วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559

จีนก้าวสู่มหาอำนาจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ประเทศจีนพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วภายหลังเปิดประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญที่จะเป็นประเทศด้านหน้าในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอันดับ 1 ของโลก
       
        ภายหลังกองทัพจีนคอมมิวนิสต์ยึดครองประเทศและสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นเมื่อปี 2492 การพัฒนาประเทศได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสหภาพโซเวียด ในช่วงนั้นจีนส่งบุคลากรไปฝึกอบรมและศึกษาในสหภาพโซเวียตเป็นจำนวนมากมายถึง 38,000 คน ขณะเดียวกันสหภาพโซเวียตส่งวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือประเทศจีนมากถึง 11,000 คน
       
        อย่างไรก็ตาม ปัญหาและอุปสรรคในขณะนั้น คือ เหมาเจ๋อตุง ซึ่งเป็นประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไม่เห็นความสำคัญของปัญญาชน โดยมีทัศนะว่าวิศวกรผู้ควบคุมโรงงานหรือช่างเทคนิคนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับสูงจากมหาวิทยาลัย แต่ควรเป็นผู้เติบโตจากบรรดาชนชั้นกรรมาชีพ จึงส่งผลกระทบต่อการพัฒนาวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญระดับสูง
       
        ภายหลังจากนายเติ้งเสี่ยวผิงได้กุมอำนาจปกครองประเทศจีนเมื่อปี 2521 บรรดาวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์จีนได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ได้ตระหนักถึงความล้าหลังในด้านเทคโนโลยี ดังนั้น รัฐบาลจึงส่งนักศึกษาจำนวนมากไปศึกษาเล่าเรียนในต่างประเทศ พร้อมกับปรับปรุงระบบการศึกษาภายในประเทศ ขณะเดียวกันก็เปิดประตูต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ
       
        การพัฒนาอุตสาหกรรมในระยะแรกได้มีข้อถกเถียงกันมากในประเทศจีนว่าควรจะพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีไปในทิศทางใด ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรพัฒนาอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเบา เช่น สิ่งทอ ของเด็กเล่น รองเท้า ฯลฯ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเห็นควรให้จีนพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสูง เพื่อนำไปสู่อุตสาหกรรมฐานความรู้ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง